hamburger menu icon

NEWS & UPDATES

5 เทคนิค อาคารประหยัดพลังงาน ตามมาตรฐาน LEED ของโครงการ 201 AVENUE

9 December 2023

เพื่อเลี่ยงการระบาดของ COVID-19 ทำให้หลายๆคน ต้องทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกันและด้วยการใช้เวลาที่บ้านที่มากขึ้น ทำให้หลายๆคนพบกับปัญหา “ค่าไฟฟ้า” ที่พุ่งทะยานขึ้น จากการเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำอยู่สบายรับกับอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย

ทีนี้เรามาทำความรู้จักกับมาตรฐานอาคารเขียว LEED ซึ่งย่อมาจาก Leadership in Energy & Environmental Design ซึ่งเป็นระบบการรับรองอาคารเขียวที่จับต้องได้และได้รับการยอมรับมากที่สุด โดยข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับอาคารเขียวมาตรฐาน LEED ที่เราต้องทำความเข้าใจตรงกันก่อน คือ อาคารประหยัดพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของข้อบังคับอาคารเขียวเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประสิทธิภาพการใช้น้ำภายในอาคาร เป็นต้น

 

โดยทางโครงการ 201 AVENUE ได้นำหลักการตามมาตรฐาน LEED มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบเพื่อสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัย ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.กันแดด ระบายลม ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้เหมาะสม

ตามธรรมชาติความร้อนที่เกิดขึ้นในบ้านส่วนใหญ่มาจากดวงอาทิตย์ซึ่งเคลื่อนตัวจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก อ้อมไปทางทิศใต้ทำให้การวางตำแหน่งของบ้าน อาจจะใช้หลัก “เปิดรับแสงทิศเหนือ กันแดดทิศตะวันตกและใต้” โดยทางโครงการได้ออกแบบให้ทิศเหนือของทุกอาคารรับแสงแดดธรรมชาติโดยตรงและทิศใต้ ทิศตะวันตกที่ได้รับแดดบ่ายมีชายคาและระแนงอลูมิเนียมที่ให้ร่มเงาและบังแดด อีกทั้งยังวางผังให้ห้องน้ำและห้องครัวอยู่ในทิศตะวันตก เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคและลดความชื้นโดยธรรมชาติและมีหน้าต่างที่ด้านทิศเหนือ-ใต้ คอยรับลมตลอดทั้งปี

 

 

 

2.ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาแก่บ้าน

การปลูกต้นไม้บริเวณรอบๆบ้าน นอกจากความร่มรื่น ร่มเงา อากาศบริสุทธิ์ที่ได้รับจากต้นไม้แล้ว ต้นไม้ยังดึงเอาความร้อนที่อยู่รอบๆ ไปทำให้น้ำที่รากดูดขึ้นมาจากใต้ดิน ระเหยเป็นไอน้ำผ่านออกทางปากใบ ทำให้อากาศรอบๆต้นไม้เย็นลง โดยทางโครงการได้ทำการปลูกต้นไม้บริเวณชั้น 1,3 และ 5 ของทุกอาคารเพื่อประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแก่ผู้อยู่อาศัย

 

3.ติดฉนวนกันความร้อนให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ

ทางโครงการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนชนิด Extruded Polyester Nene Foam Insulation Board (XPS) ที่ความหนา 10 ซม. พร้อมอะลูมิเนียมฟอยล์ น้ำหนักเบาแต่มีความหนาแน่นสูง มีค่าความต้านทานความร้อน R-Value ประมาณ 18.8 ติดตั้งบริเวณใต้หลังคา ซึ่งมีความเป็นฉนวนมากกว่าฉนวนใยแก้วที่ความหนาเท่ากันประมาณ 2 เท่า อีกทั้งฉนวนกันความร้อน XPS นั้นมีโครงที่เป็น Closed Cell Structure ซึ่งเป็นโพรงอากาศทำให้ความร้อนไม่สามารถผ่านได้และทำให้ไม่มีการดูดซึมน้ำและในตัวแผ่นยังมีส่วนผสมของสาร (Fire Retardant) เพื่อกันการลุกลามไฟอีกด้วย

 

 

 

 

4.การใช้กระจก Low-E ที่มีคุณสมบัติในการช่วยประหยัดพลังงาน

แสงธรรมชาติและความร้อนเป็น 2 สิ่งที่ต้องแรกกันมา เมื่อเราพูดถึงความโล่ง โปร่งสบายของ Space และงานสถาปัตยกรรม อาคาร Home Office ที่ผู้พักอาศัยมีพฤติกรรมการใช้งานตลอดทั้งวันควบคู่กับภาพลักษณ์และบรรยากาศในการทำงาน ทางโครงการเลือกใช้กระจก Low-E Argon ที่มีค่า R-Value ประมาณ 2.75 มากกว่ากระจกปกติทั่วไปที่มีค่า R-Value เพียง 0.85 ถึง 3 เท่า โดยนอกจากจะป้องกันความร้อนที่จะเข้ามาในอาคารแล้ว ยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้อีกด้วย ทำให้ผู้ใช้งานมีสมาธิในการทำงานควบคู่กับความคิดสร้างสรรค์และภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัทและผู้พักอาศัย

5.เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ประหยัดไฟฟ้าและน้ำ

ทางโครงการเลือกใช้เครื่องปรับอากาศ Daikin SkyAir R32 Inverter ที่มีค่า SEER สูงสุด 25.98 ประหยัดไฟยิ่งขึ้นกว่าเดิมสูงสุดถึง 30% พร้อมได้รับฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ทุกรุ่น ทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่ต้องกังวลกับการเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวัน มากไปกว่านั้นสุขภัณฑ์ที่ใช้ในส่วนสำนักงานของอาคารยังได้รับ LEED Certification มาตรฐานที่รับรองว่าเป็นรุ่นประหยัดน้ำระดับ Silver อีกด้วย

จากรายละเอียดข้างต้นจะพบว่าทางโครงการ 201 AVENUE ได้นำหลักการตามมาตรฐาน LEED มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ ตั้งแต่การวางผัง การเลือกวัสดุกระจกและเครื่องปรับอากาศที่เน้นการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วราคาที่ต้องจ่ายเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่นี่ จะได้รับ “เงินทอน” เป็นการลงทุนระยะยาว คือค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ และการบำรุงรักษาอาคาร ที่ค่าใช้จ่ายอาจลดลงถึง 2-3 เท่า ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้อยู่อาศัย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

More News & Updates

close icon